วันพฤหัสบดีที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

บทที่ 13 การดูแลรักษาเครื่องคอมพิวเตอร์ 
การดูแลรักษาเครื่องคอมพิวเตอร์ 

เครื่องจ่ายไฟสา รอง (UPS) ถ้า

มีงบประมาณเพียงพอควรติดต้งัร่วมกับ ตัวเครื่อง
คอมพิวเตอร์ ด้วยเพราะ UPS จะช่วยป้องกนัและแกป้ ัญหาทางไฟฟ้าไม่วา่ จะ
เป็นไฟตก ไฟเกิน หรือไฟกระชาก อัน เป็นสาเหตุที่จะทำ ให้
้เกิดความเสียหายของข้อ้มูลและชิ้นส่วนอื่นๆ
• การติดต้งัตวัเครื่องคอมพิวเตอร
์ควรติดต้งัในห้องที่มีเครื่องปรับอากาศ หรือ
ถ้า้มีไม่มีเครืองปรับอากาศควรเลือกห้องที่ปลอดฝ่นุ มากที่สุด และการติดตั้งตัวเครื่องควรจากผนังผสมควรเพื่อการระบายความร้อนที่ดี
• การต่อสาย Cable ระหวา่ งเครื่องคอมพิวเตอร์

กับอุปกรณ์

ต่างๆเช่น Printer
Modem Fax หรือส่วนอื่นๆจะต้องกระทา เมื่อ power off เท่าน้นั
• อยา่ ปิด - เปิดเครื่องบ่อยๆ เกินความจา เป็
น เพราะจะทา ให

เกิดความเสียหายแก่
โปรแกรมที่กา ลงัทา งานอยู่
• ไม่เคลื่อนยา

ยเครื่องคอมพิวเตอร

ขณะที่เครื่องทา งานอย ู่ เพราะจะท าให้
อุปกรณ

บางตวัเกิดความเสียหายได ้
• อยา่ เปิดฝาเครื่องขณะใช้
งานอย ู่ถ้าต้องการเปิ ดต้อง power off และถอด
ปล๊้กไฟก่อน
• ควรศึกษาจากคู่มือก่อนหรือการอบรมการใช้งาน Software ก่อนการใช้งาน
• ตัวถังภายนอกของเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนใหญ่เป็นส่วนประกอบของเหลกกับ พลาสติกเมื่อใช้นานๆ จะมีฝุ่นและคราบรอยนิ้วมือมาติดทา ให้ดูไม่สวยงาม
และถา้ปล่อยไวน์นานๆ จะทา ความสะอาดยาก จึงควรทา ความสะอาดบ่อยๆอยา่ งน้อย 1-2 เดือนต่อคร้ัง โดยใชผ้าชุบน้า หมาดๆ เช็ดที่ตวัเครื่อง หรือใช้ ยาทา
ความสะอาดเครื่องคอมพิวเตอร์โดยเฉพาะ และที่ส าคัญคือ ควรใช้ผ้าคลุมเครื่อง
ให้เรียบรอยหลงัเลิกใช้งานทุกคร้ังเพื่อปองกนัฝ่นุ ผงต่างๆ

บทที่ 12 การติดตั้งโปรแกรม Multimedia

การติดตั้งโปรแกรม Multimedia
1. ขั้นการเตรียม (Preparation)                    - กำหนดเป้าหมายและวัตถุประสงค์ (Determine Goals and Objectives) คือการตั้งเป้า
หมายว่าผู้เรียนจะสามารถใช้บทเรียนนี้เพื่อศึกษาในเรื่องใดและลักษณะใด กล่าวคือ เป็นบทเรียนหลักเป็นบทเรียนเสริม
 เป็นแบบฝึกหัดเพิ่มเติมหรือแบบทดสอบ รวมทั้งการนำเสนอเป้าหมายและวัตถุประสงค์ในการเรียน เราจะต้องทราบพื้นฐานของผู้เรียนที่เป็นกลุ่มเป้าหมายเสียก่อน เพราะความรู้พื้นฐานของผู้เรียนมีอิทธิพลต่อเป้าหมายและวัตถุประสงค์ของการเรียน
                    - รวบรวมข้อมูล (Collect Resources) หมายถึง การเตรียมพร้อมทางด้านของเอกสารสนเทศ (Information) ทั้งหมดที่เกี่ยวข้อง
                    -  เนื้อหา (Meterials) ได้แก่ ตำรา หนังสือ เอกสารทางวิชาการ หนังสืออ้างอิง สไลด์ภาพต่างๆ
แบบสร้างสถานการณ์จำลอง เพื่อใช้สำหรับการเรียนรู้ หรือทดลองจากสภาพการณ์จำลองจากสถานการณ์จริง ซึ่งอาจจะหาไม่ได้หรืออยู่ไกลไม่สามารถนำเข้ามาในห้องเรียนได้ หรือมีสภาพอันตราย หรืออาจสิ้นเปลืองมากที่ต้องใช้ของจริงซ้ำ ๆ สามารถใช้สาธิตประกอบการสอนใช้เสริมการสอนในห้องเรียน หรือใช้ซ่อมเสริมภายหลังการเรียนนอกห้องเรียน ที่ใด เวลาใด ก็ได้
                    - การพัฒนาและออกแบบบทเรียน (Instructional Development) คือ หนังสือการออกแบบบทเรียน กระดาษวาดสตอรี่บอร์ด สื่อสำหรับการทำกราฟิก โปรแกรมประมวลผลคำ เป็นต้น
                    - สื่อในการนำเสนอบทเรียน (Instructional Development System) ได้แก่ การนำเอา
คอมพิวเตอร์สื่อต่างๆ มาใช้งาน
                    - เรียนรู้เนื้อหา (Learn Content) เช่น การสัมภาษณ์ผู้เชี่ยวชาญ การอ่านหนังสือหรือ
เอกสาอื่นๆ ที่เกี่ยวกับเนื้อหาบทเรียน ถ้าไม่มีการเรียนรู้เนื้อหาเสียก่อนก็ไม่สามารถออกแบบบทเรียนที่มีประสิทธิภาพได้
                    - สร้างความคิด (Generate Ideas) คือ การระดมสมองนั่นเอง การระดมสมองหมายถึง
การกระตุ้นให้เกิดการใช้ความคิดสร้างสรรค์เพื่อให้ได้ข้อคิดเห็นต่างๆ เป็นจำนวนมาก
          2. ขั้นตอนการออกแบบบทเรียน (Design Instruction) ขั้นตอนการออกแบบบทเรียน
เป็นขั้นตอนที่สำคัญที่สุดขั้นหนึ่งในการกำหนดว่าบทเรียนจะออกมามีลักษณะใด
                    - ทอนความคิด (Elimination of Ideas)
                    - วิเคราะห์งานและแนวความคิด (Task and Concept Analysis)
                    - ออกแบบบทเรียนขั้นแรก (Preliminary Lesson Description)
                    - ประเมินและแก้ไขการออกแบบ (Evaluation and Revision of the Design)
          3. ขั้นตอนการเขียนผังงาน (Flowchart Lesson) เป็นการนำเสนอลำดับขั้นโครงสร้างขอ
คอมพิวเตอร์ช่วยสอน ผังงานทำหน้าที่เสนอข้อมูลเกี่ยวกับโปรแกรม เช่น อะไรจะเกิดขึ้นเมื่อ
ผู้เรียนตอบคำถามผิด หรือเมื่อไหร่จะมีการจบบทเรียน และการเขียนผังงานขึ้นอยู่กับประเภทของบทเรียนด้วย
          4. ขั้นตอนการสร้างสตอรี่บอร์ด (Create Storyboard) เป็นขั้นตอนการเตรียมการนำเสนอข้อความ ภาพ รวมทั้งสื่อใน
รูปแบบมัลติมีเดียต่างๆ ลงบนกระดาษเพื่อให้การนำเสนอข้อความและรูปแบบต่างๆ เหล่านี้เป็นไปอย่างเหมาะสมบน
หน้าจอคอมพิวเตอร์ต่อไป
          5. ขั้นตอนการสร้างและการเขียนโปรแกรม (Program Lesson) เป็นกระบวนการเปลี่ยนแปลสตอรีบอร์ดให้กลายเป็น
คอมพิวเตอร์ช่วยสอน ส่วนนี้จะต้องคำนึงถึงฮาร์ดแวร์ ลักษณะและประเภทของบทเรียนที่ต้องการสร้าง โปรแกรมเมอร์และงบประมาณ
          6. ขั้นตอนการประกอบเอกสารประกอบบทเรียน (Produce Supporting Materials) เอกสารประกอบบทเรียนอาจแบ่งออกได
้เป็น 4 ประเภท คือ คู่มือการใช้ของผู้เรียน คู่มือการใช้ของผู้สอน คู่มือสำหรับแก้ปัญหาเทคนิคต่างๆ และเอกสารประกอบเพิ่มเติมทั่วๆ ไป ผู้เรียนและผู้สอนย่อมมีความต้องการแตกต่างกัน คู่มือจึงไม่เหมือนกัน คู่มือการแก้ปัญหาก็จำเป็นหากการติตตั้งมีความสลับซับซ้อนมาก
          7. ขั้นตอนการประเมินผลและแก้ไขบทเรียน (Evaluate and Revise) บทเรียนและเอกสารประกอบทั้งหมดควรที่จะได้รับการประเมิน โดยเฉพาะการประเมินการทำงานของบทเรียน ในส่วนของการนำเสนอนั้นควรจะทำการประเมินก็คือ ผู้ที่มีประสบการณ์ในการออกแบบมาก่อนในการประเมินการทำงานของบทเรียนนั้น ผู้ออกแบบควรที่จะสังเกตพฤติกรรมของผู้เรียนหลังจากที่ได้ทำการเรียนจากคอมพิวเตอร์ช่วยสอนนั้นๆ แล้ว โดยผู้ที่เรียนจะต้องมาจากผู้เรียนในกลุ่มเป้าหมาย ขั้นตอนนี้อาจจะครอบคลุมถึงการทดสอบนำร่องการประเมินผลจากผู้เชี่ยวชาญได้
ในการประเมินการทำงานของบทเรียนนั้นผู้ออกแบบควรที่จะสังเกตพฤติกรรมของผู้เรียนหลังจากที่ได้ทำการเรียน
จากคอมพิวเตอร์ช่วยสอนนั้นๆ แล้ว โดยผู้ที่เรียนจะต้องมาจากผู้เรียนในกลุ่มเป้าหมาย ขั้นตอนนี้อาจจะครอบคลุมถึงการทดสอบนำร่องการประเมินผลจากผู้เชี่ยวชาญได้
อ้างอิงจากhttp://www.bkk1.in.th/Topic.aspx?TopicID=17032
1. เปิดโปรแกรม Windows Explorer ขึ้นมา ให้คลิกเลือกโฟลเดอร์ที่เก็บไฟล์สำหรับติดตั้ง โปรแกรม จากนั้นให้ดับเบิ้ลคลิกที่ไฟล์สำหรับติดตั้ง สังเกตได้จากนาม สกุลจะเป็น .exe คือไฟล์ PDVDXP4_Deluxe.exe

2. จะปรากฏหน้าจอ แสดงการต้อนรับเข้าสู่การติดตั้งโปรแกรม ให้คลิกปุ่ม Next> เพื่อเริ่ม ติดตั้ง

วันอังคารที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

บทที่ 11 การติดตั้งและใช้งานโปรแกรม Winzip 8.0


      การติดตั้งและใช้งานโปรแกรม WinZip 8.0

WinZip (โปรแกรม WinZip โปรแกรมบีบอัดไฟล์ ต้นตำรับ บีบอัดไฟล์) : สำหรับตัว โปรแกรม WinZip ตัวนี้นั้นก็ถือเป็น โปรแกรมบีบอัดไฟล์ ที่เป็นที่รู้จัก และเป็นที่นิยมของผู้ที่ใช้งานอินเทอร์เน็ต (Internet) ทุกคนอยู่แล้ว เพราะถือเป็น ผู้พัฒนา โปรแกรมบีบอัดไฟล์ เจ้าแรกๆ เลยก็ว่าได้ 

ในเวอร์ชั่นแรก 1.0 โปรแกรม WinZip ได้ถูกเปิดตัวอย่างเป็นทางการในเดือน เมษายน ค.ศ. 1991 (พ.ศ. 2534) ดังนั้น ประสบการณ์ ในวงการ โปรแกรมบีบอัดไฟล์ แบบนี้คงไม่ต้องพูดถึง เพราะ โปรแกรม WinZip ถือเป็นต้นตำรับ และดังเดิม ของ โปรแกรมบีบอัดไฟล์ เลยก็ว่าได้
จากวันนั้นถึงวันนี้ โปรแกรม WinZip ได้ถูกพัฒนา มาจวบจนถึง รุ่นที่ 18.0 แล้ว มีการปรับเปลี่ยนรูปร่างหน้าตา (User Interface) รวมไปถึงการเพิ่มความสามารถ เพิ่มลูกเล่น เข้าไปมากมาย ซึ่งทางผู้พัฒนา โปรแกรม WinZip นี้เขาบอกว่ามีจำนวนคน ดาวน์โหลดWinZip ของเขาไปแล้ว มากกว่า 1,000,000,000 ครั้ง (หนึ่งพันล้านครั้ง) จากทั่วโลก นับตั้งแต่ออกเวอร์ชั่นแรกออกมา เทียบเท่ายอดวิว Youtube เพลงกังนัมสไตล์ เลยก็ว่าได้นอกจากนี้ในเวอร์ชั่นปัจจุบัน ดาวน์โหลด WinZip ไปจะพบว่า มันได้มีการสนับสนุนการทำงานบนคลาวด์ มากขึ้นให้คุณสามารถบีบอัดไฟล์ และเชื่อมต่อโดยตรงกับผู้ให้บริการเก็บไฟล์ออนไลน์ (Cloud Storage) อาทิเช่นบริการที่ชื่อว่า Box, Google Drive, SkyDrive, Dropbox, CloudMe และ SugarSync มันมีความสามารถให้คุณได้บีบอัดไฟล์ก่อนการอัพโหลดขึ้นบริการดังกล่าว หรือจะแตกไฟล์ซิปบนบริการดังกล่าวได้โดยตรง โดยไม่ต้องดาวน์โหลดลงมาก่อนแบบนี้เป็นต้น นอกจากนี้แล้วยังสามารถบีบอัดไฟล์ได้บนบริการเก็บไฟล์ออนไลน์ได้โดยตรง โดยไม่ต้องดาวน์โหลดมาบีบอัด แล้วค่อยอัพโหลดไปอีกที และยังมีความสามารถให้คุณได้แชร์ไฟล์ซิป ไปยังโซเชียลมีเดีย ได้โดยตรงทันที ไม่ต้องส่งอีเมล์ หรือหาเว็บฝากไฟล์เหมือนแต่ก่อน หากเรามาดูเรื่องความสามารถของ โปรแกรม WinZip ก็หายห่วงแน่นอน เป็นโปรแกรมทูอินวัน (2-in-1) คือเป็น โปรแกรมบีบอัดไฟล์ (ทำให้ไฟล์ใหญ่เป็นไฟล์เล็ก) ให้เป็น .ZIP และ โปรแกรมแตกไฟล์ (ทำให้ไฟล์เล็กเป็นไฟล์ใหญ่) ได้หลายตระกูลเลยทีเดียว อาทิเช่น Zip, Zipx, RAR, 7Zip, BZ2, LHA/LZH และอื่นๆ อีกมากมาย พร้อมให้คุณนำไฟล์ที่ถูกบีบอัด ไปแชร์หรือแบ่งปันผ่านเครือข่ายสังคมออนไลน์ได้อย่างจุใจ หรือ Cloud Storage (บริการการจัดเก็บไฟล์บนอินเทอร์เน็ต) ได้อย่างสะดวกรวดเร็วเช่นกัน

Program Features (ความสามารถหลักๆ ของ โปรแกรมบีบอัดไฟล์ WinZip) :


โปรแกรม WinZip ใช้หลักการ ลากแล้ววาง (Drag-and-Drop) ไฟล์ที่ต้องการ บีบอัดไฟล์ จะสามารถทำให้ง่ายและสะดวกต่อการใช้งานมากๆ
มีความสามารถในการแบ่งปันไฟล์ (Share) ขึ้น Cloud Storage ได้โดยทันที ผ่านผู้ให้ บริการจัดเก็บไฟล์บนอินเทอร์เน็ต ชั้นนำของโลกอย่าง Box, SkyDrive, Dropbox หรือ Google Drive ที่คนไทยรู้จักกันดี
บริการ ZipShare จากผู้พัฒนา โปรแกรม WinZip ให้คุณสามารถแชร์ไฟล์ผ่านลิ้งค์ของเครือข่ายสังคมออนไลน์ (Social Network) ชั้นนำของโลก อย่าง Facebook Twitter หรือ LinkedInเพียงแค่เลือกไฟล์ที่ต้องการจะแบ่งปัน เขียนข้อความประกอบไฟล์ และ เลือกเครือข่ายสังคมออนไลน์ ที่ต้องการจะแบ่งปัน หรือจะเลือกพร้อมกันทั้ง แห่งเลยก็ได้
บริการ ZipSend เป็นบริการจากผู้พัฒนา โปรแกรม WinZip เช่นกัน ที่จะช่วยให้คุณสามารถส่งไฟล์ผ่าน E-Mail ในขนาดที่ใหญ่มากๆ ได้ เพราะโดยปกติแล้ว ผู้ให้บริการฟรีอีเมล์ จะให้ส่งเมล์กันไม่เกิน 10 - 20 MB. เท่านั้น แต่ด้วยบริการ ZipSend จาก WinZip สามารถให้คุณส่งไฟล์ ได้สูงสุดถึง 50 MB. (สำหรับบริการฟรี) และ สูงสุดถึง 2 GB. (สำหรับบริการที่เสียเงิน)
บริการใหม่จาก โปรแกรม WinZip ที่มีความสามารถในการ บีบอัดไฟล์ จาก MS.Office ไปโดยตรงเป็นไฟล์เอกสารชั้นนำของโลกอย่าง .PDF และยังมีความสามารถในการสร้างไฟล์ .PDF แบบอ่านอย่างเดียว (Read-only) เพื่อความปลอดภัยขึ้นอีกระดับได้อีกด้วย
ความสามารถของ โปรแกรม WinZip ในการแปลงไฟล์รูปภาพที่มีขนาดใหญ่ (ความคมชัดสูง) มาให้เป็นขนาดเล็กลง และ เป็นขนาดไฟล์ที่เหมาะสม ที่สามารถแบ่งปัน ให้คนอื่นได้ง่ายๆ
โปรแกรม WinZip มีระบบพรีวิว (Preview) หรือ การดูไฟล์หรือโฟลเดอร์ (Files or Folders)ที่อยู่ใน ไฟล์ที่บีบอัดอยู่ ก่อนที่จะแตกขยายไฟล์ออกมา เพื่อให้คุณมั่นใจว่าสิ่งที่อยู่ข้างในไฟล์ ZIP นั้นคือสิ่งที่คุณต้องการจริงๆ และนอกจากนี้ มันยังสามารถ พรีวิวไฟล์ HTML ที่ใช้สร้างเว็บไซต์ เป็นหน้าเว็บจริงๆ ได้ก่อนแตกไฟล์ ZIP อีกด้วย
ระบบป้องกันการเข้าถึงไฟล์ โดยไม่ได้รับอนุญาต ของ โปรแกรม WinZip ได้มีการเข้ารหัสไฟล์ที่ถูกบีบอัด ไว้ด้วยเทคโนโลยี 128 Bits / 256 Bits AES Encryptions ที่ถือว่าเป็นการเข้ารหัสแบบ ทาง ที่ปลอดภัยมากที่สุดในโลก โดยผู้ได้รับไฟล์ปลายทางจะต้องใส่รหัสผ่าน (Password) ที่ผู้ส่งไฟล์ต้นทางกำหนดเอาไว้
ระบบลายน้ำ (Watermark) ใน โปรแกรม WinZip แสดงความเป็นเจ้าของ ของไฟล์เอกสารPDF หรือ ไฟล์รูปภาพต่างๆ โดยคุณสามารถกำหนดข้อความ (คำพูด) ที่ให้เอาไว้แสดงในลายน้ำนั้นได้ และ ตำแหน่งที่ให้ลายน้ำแสดงบนไฟล์เอกสาร PDF หรือ ไฟล์รูปภาพ ได้ด้วยตัวเอง
โปรแกรม WinZip มีระบบสำรองไฟล์อัตโนมัติ ไม่ใช่แค่ไฟล์อย่างเดียว แต่ยังสามารถสำรองข้อมูลของ อีเมล์ (E-Mail) ไฟล์เอกสาร รูปภาพ ต่างๆ ฯลฯ เพียงแค่คลิกเดียว และ สามารถตั้งเวลาในการสำรองข้อมูลได้ ด้วยตัวเอง (มีในเฉพาะรุ่น Pro)
วิธีการติดตั้งโปรแกรม Winzip

โปรแกรมบีบอัดข้อมูล WinZip
        คือโปรแกรมช่วยบีบอัดข้อมูล โดย file ที่ได้จะมีนามสกุล .ZIP ซึ่งมีความสามารถดังต่อไปนี้
บีบอัดข้อมูล
บีบอัดข้อมูลในดิสก์ ในลักษณะต่อแผ่นได้ (กรณีแผ่นเดียวไม่พอ)
บีบอัดข้อมูลและสามารถแกะข้อมูลออกมาได้ในลักษณะอัตโนมัติ
บีบอัดข้อมูลหลาย ๆ file เป็น file เดียวกันได้
การบีบอัดข้อมูลบางประเภทสามารถบีบอัดได้มากถึง 90%

วิธีการติดตั้งโปรแกรม Winzip

ดับเบิ้ลคลิกที่ตัว setup ที่มีตัวอย่างสัญลักษณ์ดังนี้

คลิกปุ่ม ok เพื่อทำการติดตั้งโปรแกรม

3. คลิก Next        
4. คลิกปุ่ม yes เพื่อยอมรับเงื่อนไขการใช้งานโปรแกรม

5. คลิก next เพื่อดำเนินการต่อไป

       6.เลือกที่ปุ่ม Start with WinZip Classic  แล้วคลิกปุ่ม Next

       7. คลิกเลือก Express setup[recommended] แล้วคลิกปุ่ม Next

 8. คลิกปุ่ม Next เพื่อดำเนินการในขั้นต่อไป

 9. คลิกปุ่ม Finish เพื่อเสร็จสิ้นการติดตั้งโปรแกรม 

10. เลือก Never show tips at startup แล้วคลิกปุ่ม Close


11. จะเห็นหน้าต่างของโปรแกรม WinZip ที่พร้อมใช้งาน
          
การ Compress Data
หัวข้อนี้จะขอกล่าวถึงการบีบอัดข้อมูล โดยผ่านโปรแกรม Windows Explorer มีขั้นตอนดังนี้

คลิกปุ่ม Start เลือก Programs เลือก Windows Explorer

เปิดหา Folder ที่ต้องการบีบอัดข้อมูล
ลากแถบดำคลุมเพื่อเลือกข้อมูลที่ต้องการ co

mpress

วางลูกศรของเม้าส์ บริเวณ file ที่เลือก คลิกขวาจะมีเมนูลัด เลือกคำสั่ง Add to Zip file

จะมีหน้าต่างแสดงรายละเอียด

เพิ่มเติมดังภาพ

ช่อง Add to archive หมายถึง ตำแหน่งของ folder (ให้ใส่ชื่อ file ที่ต้องการสร้างเป็น Zip

file)ช่อง Compression หมายถึง ลักษณะของการบีบอัดว่า ต้องการบีบอัดในระดับใด หรือคลิกเลือก

ปุ่ม new แล้วตั้งชื่อไฟล์ที่ต้องการสร้างเป็น Zip file ดังรูป  แล้วคลิกปุ่ม OK

จากนั้นคลิกปุ่ม Add

จะได้หน้าต่างดังรูป

เสร็จแล้ว ท่านจะได้ file ชื่อ netzip ดังรูป

 การ UnCompress Data


หัวข้อนี้จะขอกล่าวถึงการดึงข้อมูลที่ถูกบีบอัดออกมาจาก .zip f

ile โดยผ่านโปรแกรมWindows Explorer มีขั้นตอนดังนี้

คลิกปุ่ม Start เลือก Programs เลือก Windows Explorer

เปิดหา Folder ที่มีไฟล์ .zip อยู่

ดับเบิลคลิกที่ file netzip.zip จะได้ดังภาพ  จากนั้นคลิ

กที่คำสั่ง Extract


จะได้หน้าต่างดังภาพ จากนั้นคลิกปุ่ม Extrack

ในช่อง Extract to คือตำแหน่งของ folder ที่ต้องการวางข้อมูลที่เราดึงออกมา 

ในช่อง New Folder (ด้านขวามือ) คือ การสร้าง folder ใหม่เพื่อรองรับ file ที่ดึงออกมา 


คลิกปุ่ม Extract เมื่อต้องการเริ่ม

5. เมื่อทำการ uncompress เสร็จเรียบร้อยไฟล์ที่ ทำเป็นไฟล์ .zip แล้วดังรูป


การ UnCompress Data แบบที่ 2


หัวข้อนี้จะขอกล่าวถึงการดึงข้อมูลบาง file ที่ถูกบีบอัด (.zi

p) โดยผ่านโปรแกรม Windows Explorer มี
ขั้นตอนดังนี้
คลิกปุ่ม Start เลือก Programs เลือก Window

s Explorer

เปิดหา Folder ที่มีไฟล์ .zip อยู่ดับเบิลคลิกที่ file netzip.zip จะได้ดังภาพ

จัดวางหน้าต่างให้มองเห็นทั้ง Windows Explorer และ Winzip (ดังภาพ)

ลาก file จากหน้าต่าง Winzip ที่ต้องการ มาวางในหน้าต่าง Windows Explorer ใน folder 

ที่ต้องการ 

เหมือนกับการย้าย file จาก folder หนึ่งไปยังอีก folder หนึ่ง

การเพิ่มไฟล์ลงในไฟล์ .Zip



หลังจากที่เราได้ทำการ บีบอัดข้อมูลเป็น .Zip ไฟล์ เรายังสามารถเพิ่มไฟล์ที่ต้องการลงใน .Zip ไฟล์โดย

ไม่จำเป็นต้องเริ่มทำการบีบอัดใหม่ทั้งหมดได้ ซึ่งจะช่วยประหยัดเวลาในการทำงาน โดยมีขั้นตอนการ

เพิ่มไฟล์ที่ต้องการ ดังนี้

เปิดโปรแกรม Winzip

เลือกเมนู File เลือก Open Archive เข้าไปเลือกหาไฟล์ .Zip 

ที่ต้องการ ดูภาพประกอบด้านล่าง

เลือกไฟล์ .Zip ที่ต้องการแล้วกดปุ่ม Open

คลิกเมนู Actions เลือก Add หรือ คลิกไอคอน Add ก็ได้

คลิกเลือกไฟล์ที่ต้องการเพิ่มเข้าไปใน .Zip จากนั้นคลิกปุ่ม Add 

บทที่ 10 การติดตั้งโปรแกรมแอนตี้ไวรัส PC-Cillin 2000

การติดตั้ง PC-Cillin 2000 โปรแกรมสำหรับป้องกันไวรัสบน คอมพิวเตอร์ 

จากที่ได้ทำการแนะนำ การติดตั้ง McAfee โปรแกรมสำหรับการป้องกันไวรัสบน คอมพิวเตอร์ ไปแล้ว ซึ่งจากการใช้งานทั่ว ๆ ไป ตัวโปรแกรม McAfee ก็สามารถทำงานได้ดีในระดับหนึ่ง แต่เมื่อได้ทำการทดลองใช้งาน โปรแกรม PC-Cillin 2000 ในการป้องกันไวรัส คอมพิวเตอร์ต่าง ๆ พบว่า ตัวโปรแกรม PC-Cillin นี้ มีข้อดีกว่า McAfee คือ เป็นโปรแกรมป้องกันไวรัสที่ ไม่ไปโหลดการทำงานของเครื่องคอมพิวเตอร์มากนัก ไม่ทำให้เครื่องช้าลง และการอัพเดตข้อมูลไวรัส ทำได้ง่ายและรวดเร็วกว่ามาก และที่สำคัญ สามารถทำการตรวจสอบไวรัสที่มีมากับอีเมล์ได้ด้วย ดังนั้น ตรงนี้จึงขอเสนอและแนะนำการติดตั้ง PC-Cillin 2000 โปรแกรมป้องกันไวรัส อีกตัวหนึ่งที่น่าจะทดลองใช้งานกันครับ ข้อมูลเพิ่มเติมของโปรแกรมนี้ สามารถหาได้จาก http://www.antivirus.com/ 
เริ่มต้นจากการหา ดาวน์โหลด PC-Cillin 2000 มาก่อน และเริ่มต้นขั้นตอนการติดตั้ง โดยการคลิกเปิดไฟล์ pcc2k.exe เพื่อเริ่มขั้นตอนการติดตั้ง ตามตัวอย่างในรูป
หลังจากเรียกไฟล์สำหรับทำการติดตั้ง จะได้หน้าจอตามภาพ กดที่ปุ่ม Next เพื่อทำการติดตั้งต่อไป
จะได้หน้าจอตามภาพด้านบน กดที่ปุ่ม Yes เพื่อทำการติดตั้งต่อไป
โปรแกรมจะทำการตรวจสอบและค้นหาไวรัส ที่อาจจะมีอยู่ในเครื่องก่อน ให้รอสักครู่ จนเสร็จขั้นตอนนี้
หลังจากที่โปรแกรมทำการตรวจสอบว่าเครื่องไม่มีไวรัสแล้ว ให้กดที่ปุ่ม OK เพื่อทำการติดตั้งต่อไป
จะได้หน้าจอตามภาพด้านบน ใส่ชื่อและ Serial No. ของโปรแกรม (code ใส่ตามตัวอย่างในภาพด้านบนก็ได้) กดที่ปุ่ม Next เพื่อทำการติดตั้งต่อไป
จะได้หน้าจอตามภาพด้านบน เลือก Folder ที่จะลงโปรแกรม ถ้าไม่เลือกก็กดที่ปุ่ม Next เพื่อทำการติดตั้งต่อไป
จะได้หน้าจอตามภาพด้านบน กดที่ปุ่ม Next เพื่อทำการติดตั้งต่อไป
เลือกส่วนประกอบต่าง ๆ ที่ต้องการติดตั้ง ขอแนะนำให้เลือกทั้งหมด กดที่ปุ่ม Next เพื่อทำการติดตั้งต่อไป
จะได้หน้าจอตามภาพด้านบน กดที่ปุ่ม OK เพื่อทำการติดตั้งต่อไป
จะได้หน้าจอตามภาพด้านบน กดที่ปุ่ม Next เพื่อทำการติดตั้งต่อไป
จะได้หน้าจอตามภาพด้านบน ตรงนี้เป็นส่วนของการสร้าง Emergency Recuse Disks ซึ่งไม่จำเป็นต้องทำก็ได้ ให้กดที่ปุ่ม Cancel เพื่อทำการติดตั้งต่อไป
จบขั้นตอนการติดตั้งโปรแกรม จะได้หน้าจอตามภาพด้านบน กดที่ปุ่ม Finish
หลังจากนั้น เมื่อเรียกใช้งานโปรแกรมครั้งแรก จะมีเมนูถามการ Register ตรงนี้ เราอาจจะทำการ Register ไปเลยก็ได้ หรืออาจจะทำภายหลัง ในที่นี้ ขอแนะนำให้ทำการ Register ไปเลย โดยการใส่ชื่อและอีเมล์ของคุณ หรือถ้าหากไม่ต้องการใช้ชื่อจริง ก็อาจจะใส่ชื่อและอีเมล์อะไรก็ได้ลงไปครับ และกดที่ปุ่ม Register Now 
เมื่อเสร็จสิ้นการติดตั้งโปรแกรม จะมีเมนูถามให้ทำการ Restart เครื่องคอมพิวเตอร์อีกครั้ง ก็กดที่ปุ่ม OK เพื่อทำการ Restart เครื่องคอมพิวเตอร์ใหม่ เท่านี้เป็นอันเสร็จทุกขั้นตอนการติดตั้ง PC-Cillin 2000 สำหรับป้องกันไวรัสคอมพิวเตอร์ และอย่าลืมว่า เราควรจะทำการอัพเดตข้อมูลของ ไวรัส บ่อย ๆ ด้วยเพื่อให้โปรแกรมรู้จักกับไวรัส ชนิดใหม่ ๆ ได้ด้วยนะค่ะ


บทที่ 9 การติดตั้งระบบปฏิบัติการ Windows XP


หลักการติดตั้ง   Window  XP
                       การติดตั้งระบบปฏิบัติการ  Windows   XP   โดยปกติ  จะสามารถทำได้  2  แบบคือการติดตั้งโดยการอัพเกรดจาก  Windows  ตัวเดิม  หรือทำการติดตั้งใหม่เลยทั้งหมด  สำหรับตัวอย่างในที่นี้  จะขอแนะนำวิธีการ ขั้นตอนการติดตั้ง  Windows XP แบบลงใหม่ทั้งหมดซึ่งความเห็นส่วนตัว  น่าจะมีปัญหาในการใช้งานน้อยกว่าออกแบบอัพเกรด                        วิธีการติดตั้ง  Windows   XP   ยังสามารถแบ้งออกได้เป็น 3   แบบ   ดังนี้1. ติดตั้งแบบอัพเกรดจาก  Windows  ตัวเดิม  โดยใส่แผ่น  CD  และเลือกติดตั้งจาก CD  นั้น  ได้เลย2. ติดตั้งโดยการบูตเครื่องใหม่จาก  CD  ของ  Windows  XP  Setup  และทำการติดตั้ง3. ติดตั้งจากฮาร์ดดิสก์  โดยทำการ  copy ไฟล์ทั้งหมดจาก  CD  ไปเก็บไว้ในฮาร์ดดิสก์  ก่อนทำการติดตั้งเพื่อให้ง่ายต่อการทำความเข้าใจ  ในขั้นตอนการติดตั้งระบบ   Windows  XP  ตรงนี้ จะขอแสดงตังอย่างการติดตั้ง  โดยการบูตจากแผ่น  CD  ของ  Windows  XP  Setup  ครับโดยก่อนที่จะทำการติดตั้ง  ก็ให้ทำการสำรองข้อมูลต่าง ๆ ไว้ให้เรียบร้อย  จัดการแบ่ง  พาร์ติชั่น  (ถ้าจำเป็น) และทำการ  format  ฮาร์ดดิสก์ให้เรียบร้อยก่อน
       






เริ่มต้น โดยการเซ็ตให้บูตเครื่องจาก CD-Rom Drive ก่อน โดยการเข้าไปปรับตั้งค่าใน bios ของเครื่องคอมพิวเตอร์ โดยเลือกลำดับการบูต ให้เลือก CD-Rom Drive เป็นตัวแรกครับ (ถ้าหากเป็นแบบนี้อยู่แล้ว ก็ไม่ต้องเปลี่ยนอะไร)









ทำการปรับเครื่อง เพื่อให้บูตจาก CD-Rom ก่อน จากนั้นก็บูตเครื่องจากแผ่นซีดีWindows XP Setup โดยเมื่อบูตเครื่องมา จะมีข้อ
ความให้กดปุ่มอะไรก็ได้ เพื่อบูตจากซีดีคะ ก็เคาะ Enter เข้ามาสู่หน้า Welcome to Setup กดปุ่ม Enter เพื่อทำการติดตั้งต่อไป








หน้าของ Licensing Agreement กดปุ่ม F8 เพื่อทำการติดตั้งต่อไป



















ทำการเลือก Drive ของฮาร์ดดิสก์ที่จะลง Windows XP แล้วกดปุ่ม Enter เพื่อทำการติดตั้งต่อไป







เลือกชนิดของระบบ FAT ที่จะใช้งานกับ Windows XP หากต้องการใช้ระบบNTFS ก็เลือกที่ข้อบน แต่ถ้าจะใช้เป็น FAT32 หรือของเดิม ก็เลือกข้อสุดท้ายได้เลย (no changes) ถ้าไม่อยากวุ่นวาย แนะนำให้เลือก FAT32 นะคะ แล้วกดปุ่มEnter เพื่อทำการติดตั้งต่อไป







โปรแกรมจะเริ่มต้นขั้นตอนการติดตั้ง รอสักครู่ค่ะ





หลังจากนั้น โปรแกรมจะทำการ Restart เครื่องใหม่อีกครั้ง (ให้ใส่แผ่นซีดีไว้ในเครื่องแบบนั้น แต่ไม่ต้องกดปุ่มใด ๆ เมื่อบูตเครื่องใหม่ ปล่อยให้โปรแกรมทำงานไปเองได้เลยค่ะ)











หลังจากบูตเครื่องมาคราวนี้ จะเริ่มเห็นหน้าตาของ Windows XP แล้วค่ะ รอสักครู่






โปรแกรมจะเริ่มต้นขั้นตอนการติดตั้งต่าง ๆ ก็รอไปเรื่อย ๆ ค่ะ
จะมีเมนูของการให้เลือก Regional and Language ให้กดปุ่ม Next ไปเลยค่ะ ยังไม่ต้องตั้งค่าอะไรในช่วงนี้






ใส่ชื่อและบริษัทของผู้ใช้งาน ใส่เป็นอะไรก็ได้ แล้วกดปุ่ม Next เพื่อทำการติดตั้งต่อไป
ใส่ชื่อและบริษัทของผู้ใช้งาน ใส่เป็นอะไรก็ได้ แล้วกดปุ่ม Next เพื่อทำการติดตั้งต่อไป





ทำการใส่ Product Key (จะมีในด้านหลังของแผ่นซีดี) แล้วกดปุ่ม Next เพื่อทำการติดตั้งต่อไป









หน้าจอให้ใส่ Password ของ Admin ให้ปล่อยว่าง ๆ ไว้แบบนี้แล้วกดปุ่ม Nextเพื่อทำการติดตั้งต่อไป







เลือก Time Zone ให้เป็นของไทย (GMT+07:00) Bangkok, Hanoi, Jakarta แล้วกดปุ่ม Next เพื่อทำการติดตั้งต่อไป











รอสักพัก จนกระทั่งขั้นตอนต่าง ๆ เสร็จเรียบร้อย ก็พร้อมแล้วสำหรับการเข้าสู่ระบบปฏิบัติการ Windows XP ครับ จากนั้น จะมีการบูตเครื่องใหม่อีกครั้ง เพื่อเริ่มต้นการใช้งานจริง ๆ








บูตเครื่องใหม่คราวนี้ อาจจะมีเมนูแปลก ๆ แบบนี้ เป็นการเลือกว่า เราจะบูตจากระบบ Windows ตัวเก่าหรือจาก Windows XP ครับ ก็เลือกที่ Microsoft Windows XP Professional ครับ ถ้าของใครไม่มีเมนูนี้ก็ไม่เป็นไรนะคะ








เริ่มต้นบูตเครื่อง เข้าสู่ระบบปฏิบัติการ Windows XP  ในครั้งแรก อาจจะมีการถามเรื่องของขนาดหน้าจอ ที่ใช้งาน  กด OK  เพื่อให้ระบบตั้งขนาดหน้าจอให้ด้วย  นอกจากนี้  ถ้าหากเครื่องไหนมีการถาม  การตั้งค่าต่างๆ ก็ กดเลือกที่ Nextหรือ Later ไปก่อน